อันดับการค้นหา 29 ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับใน google

google-rank-factor-อันดับการค้นหา
google-rank-factor-อันดับการค้นหา

อันดับการค้นหา 29 ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับใน google



อันดับการค้นหา รู้จัก 29 ปัจจัยที่มีผลต่อการทำอันดับ
Algorithm (อัลกอรึทึม) ในการจัดทำ indexing และ ranking ของ google มีความฉลาดและซับซ้อน จนถึงขนาดที่ว่า คนทำ seo เองรู้สึกได้ว่า google bot มีความคิดที่ใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เข้าใจพฤษติกรรมของมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ไช่เรื่องแปลกหรอกครับ เพราะมนุษย์บนโลกนี้ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เนตได้แทบจะทุกคนใช้ google และนั่นหมายความว่า เราได้ทิ้งร่องรอย พฤติกรรมการใช้งาน ไว้บนโลกอินเตอร์เนต ซึ่ง google สามารถเข้าถึงเรา ผ่านโปรดัคต่าง ๆ gmail,

chrome browser, google map และอื่น ๆ อีกมากมาย ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ google bot ฉลาดพอ ๆ กับหรือมากกว่ามนุษย์คนหนึ่ง

29 ปัจจัยที่มีผลต่อการทำอันดับใน Google



1. อายุของโดเมน

ทุก ๆ อย่างบนโลกอินเตอร์เนตสามารถวัดค่าหรือมูลค่าเป็นตัวเลขได้ เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมโดเมนบางโดเมนมีราคาประมูลที่สูงมาก ๆ หลักแสน แต่โดเมนโดยทั่วไปมีราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยบาท นั่นเพราะอายุของโดเมน จำนวน backlink ที่เคยมีมาในอดีต โดเมนทุกโดเมนจะมีค่า Domain Authority มีค่าอยู่ระหว่าง 1-100 ยิ่งเยอะยิ่งดี

2. มี Keyword อยู่ในชื่อของโดเมน

โดเมนมีคำหลักหรือ keyword อยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าเว็บไซต์เราทำเกี่ยวกับอาหาร โดเมนของเราควรจะมีคำว่า food อยู่บนโดเมนหลักด้วย ตัวอย่างเช่น goodfood.com เป็นต้น

3. มี Keyword เป็นคำแรกของโดเมน

ถ้าเป็นไปได้ จดโดเมนให้มีคำหลักหรือ keyword เป็นคำหรือวลีแรกของโดเมน ส่วนใหญ่คนจะไม่ค่อยสนใจข้อนี้เพราะบางทีเวลาจดโดเมน วางคำหลักไว้ด้านหน้าโดเมนจะไม่สวยหรือไม่ตรงหลักไวยากรณ์

4. มี Keyword ใน Subdomain

นอกจากมี keyword ใน TLD ( Top Level Domain ) แล้ว ใน subdomain หรือ subfolder จะต้องมีคำหลักที่ตรงกับการบริการในหน้านั้น ๆ ด้วย

5. มี Country Code ในชื่อโดเมน

Country Code คือตัวย่อประเทศ เช่นของไทยคือ .th ของมาเลเซียคือ .my การมี Country Code ในชื่อโดเมนจะทำให้เว็บไซต์ทำอันดับได้ดีกว่าในการค้นหาของประเทศนั้น ๆ แต่จะไม่มีผลใด ๆ ในระดับ Global หรือ .com

6. มี Keyword ใน title tag

ส่วนนี้สำคัญมาก จะเป็นส่วนแรกที่เราจะสามารถบอก google search engine ให้รู้ว่า จริง ๆ แล้วเว็บไซต์ของเราให้บริการเกี่ยวกับอะไร และส่วนนี้จะถูกนำไปแสดงผลใน Search Result ของทุก ๆ search engine

7. Keyword ตัวแรกใน title tag

คำหลักหรือวลีแรกใน title tag ควรจะเป็นคำหลักที่ตรงกับบริการของเว็บไซต์ให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ถ้าเราให้บริการเกี่ยวกับอาหาร แทนที่เราจะเขียนว่า “บริษัท เอบีซี จำกัด บริการส่งอาหาร” ให้เขียนเป็น “บริการส่งอาหาร โดยบริษัท เอบีซี”

8. มี Keyword ใน meta tag description

คำหลักที่อยู่ใน title tag ควรที่จะมีอยู่ใน description tag ด้วยเหมือนกัน ส่วนของ description จะเป็นส่วนของการให้รายละเอียดโดยรวมของเว็บไซต์ และจะปรากฏใน Search Result ด้วยเช่นกัน

9. มี Keyword อยู่ใน h1 tag

ข้อความหรือข้อมูลการให้บริการใน h1 tag ซึ่งเป็นข้อความที่จะถูกแสดงแบบเน้นเป็นพิเศษบนหน้าเว็บไซต์ ควรมี keyword หรือ Phrase อยู่ด้วย และในหนึ่งหน้าเพจควรจะมี h1 tag อย่างน้อย 1 จุด

10. มี Keyword หรือ Phrase ปรากฏบนเนื้อหาในหน้าเพจ

เนื้อหาบนหน้าเพจ ควรจะมีคำหลัก (Keyword) หรือวลีที่เกี่ยวข้อง (Phrase) แทรกอยู่ในเนื้อหาด้วย

11. ความยาวของเนื้อหาที่พอดี

มีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์กันว่า จริง ๆ ในหนึ่งเนื้อหาหรือบทความควรจะมีกี่คำ ที่เหมาะสมและจะทำอันดับได้ดี โดยการนำหน้าเว็บไซต์ที่ติดอันดับบน google search มาวิเคราะห์ content length correlated with SERP position

12. ความเร็วในการโหลดหน้าเพจ

เมื่อเว็บไซต์เราแสดงผลข้อมูลผ่านภาษา HTML เว็บไซต์ใช้เวลากี่วินาทีหรือกี่นาทีในการโหลดหน้าเพจ ความเร็วในการโหลดหน้าเพจเป็นตัวบ่งชี้ว่า เว็บไซต์ได้ถูกพัฒนาขึ้นได้มาตรฐานหรือไม่ และได้ให้ประสบการณ์ที่ดีในการรับชมกับ Visitor หรือไม่ มีข้อมูลต่อหน้าเพจที่เยอะเกินไปหรือไม่

13. มีข้อมูลที่สดใหม่เพิ่มขึ้นมาอยู่เสมอ

ในปี 2010 ระบบการจัดทำดัชนีการค้นหาหรือ indexing ของ google จะใช้ระบบที่ชื่อว่า Google Caffeine กูเกิล คาเฟอีน จะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีการอัพเดทหรือบทความที่สดใหม่และจัดทำ index ให้เร็วขึ้นถึง 50% จากแต่ก่อน ถึงแม้ปัจจุบันปี 2016 จะเปลี่ยนเป็น Google Penguin 4.0 แต่ Penguin ก็ยังชอบอะไรที่สดใหม่และดูเหมือนจะยิ่งชอบมากยิ่งขึ้น

14. มีคำหลักใน H2, H3 Tags

นอกจากจะต้องมีคำหลักใน h1 tag แล้ว ให้แทรกคำหลักไว้ใน h2 และ h3 ด้วย Google Search Engine ให้ความสำคัญในทุก ๆ html tag

15. มี Outbound Link ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

Outbound Link คือลิงค์ที่ออกไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ นอกเว็บไซต์ของเรา ควรจะเป็นลิงค์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ตัวอย่างเช่น ถ้าเราเขียนบทความเกี่ยวกับอาหาร แต่ลิงค์ถูกส่งไปยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ เกมส์มือถือ Google อาจจะลดคะแนนคุณภาพของบทความเราลงไป เพราะมองว่า บทความนี้สร้าง backlink ให้กับเว็บไซต์อื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย

16. มีส่วนประกอบที่ครบถ้วน ( Multimedia )

เนื้อหาบนหน้าเพจหรือบทความ ส่วนประกอบที่ควรจะมีนอกจากตัวหนังสือ คำหลัก วลี แล้วควรประกอบไปด้วย รูปภาพ วีดีโอหรือลิงค์อ้างอิง

17. จำนวนของ Internal Link

Internal Link คือลิงค์ที่พาเราไปยังอีกหน้าเพจหนึ่งที่อยู่ในเว็บไซต์เราหรือภายใต้ top level domain เดียวกัน ตัวอย่างเช่นในหน้าหลักของเว็บไซต์ เราอาจจะให้รายละเอียดหลากหลายบริการ แต่ให้รายละเอียดสั้น ๆ แบบกระชับและถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมก็ส่งผู้ใช้งานไปยังอีกหน้าเพจหนึ่งที่ให้รายละเอียดอย่างครบถ้วน

18. มี Keyword อยู่ใน URL

เป็นหลักการพื้นฐาน และเหมือนกับการเลือกชื่อก่อนซื้อโดเมน Google Search Engine เริ่มหาข้อมูลเว็บไซต์ทั่วโลกจากคำหลักที่ติดมากับชื่อ domain และ url เป็นข้อได้เปรียบเมื่อ url มีคำหลักติดมาด้วย

19. หน้าเพจมีรูปแบบการจัดวางที่เป็นมิตร

หน้าเพจควรมีรูปแบบการจัดวางที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน User Friendly Layout เข้าถึงเนื้อหา รูปภาพ วีดีโอ ลิงค์ได้ง่ายทั้งบน Desktop และบน Mobile Browser

20. ตำแหน่งของ Server

ตำแหน่งสถานที่ตั้งของเซิฟเวอร์ (Server Location) มีผลในการจัดอันดับผลการค้นหาใน Google Search Result เราอาจจะมีอันดับอยู่หน้า 2 ของผลการค้นหาเมื่อค้นหาที่กรุงเทพฯ แต่อาจจะมีอันดับอยู่หน้า 10 เมื่อค้นหาที่จีนหรือญี่ปุ่น

21. SSL Certificate หรือ https

เว็บไซต์ที่มีการรับรองความปลอดภัยสามารถเข้าชมเว็บไซต์ผ่าน https Protocol มีโอกาสที่จะได้คะแนนและอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่ไม่สามารถเข้าชมผ่าน https ได้

22. Mobile Optimized เว็บไซต์พัฒนาให้รองรับการแสดงผลบนมือถือ

การปรับปรุงเว็บไซต์ให้แสดงผลได้อย่างสมบูรณ์แบบบนอุปกรณ์สมาร์ทโฟน โหลดเร็วมีการลดขนาดรูปเมื่อตรวจสอบได้ว่าผู้ใช้งานกำลับใช้ mobile browser มีการจัดวางที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและชัดเจน (Responsive Website) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่ออันดับการค้นหาของ Google Search Engine

23. Alt Tag ข้อความอธิบายรูป

อย่าลืมว่า google search engine มีระบบการค้นหาด้วยรูปภาพ alt คือ img attribute ที่จะให้คำจำกัดความหรือให้คำอธิบายเกี่ยวกับรูปนั้น ๆ นอกจากชื่อของรูปแล้ว google จะใช้คำอธิบายจาก alt tag มาคำนวณผลการค้นหาด้วย

24. Backlink ที่มาจาก .edu และ .gov เป็น backlink ได้มีมูลค่าสูง

Backlink เป็นอีกหนึ่งปัจจัยอันดับต้น ๆ ที่จะทำให้เว็บไซต์ได้อันดับที่ดีในผลการค้นหา แต่จะดียิ่งขึ้นไปอีกถ้า backlink นั้นมาจากเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการศึกษา .edu และเว็บไซต์ที่เป็นของหน่วยงานราชการ .gov

25. Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีค่า PR สูง

เว็บไซต์ทุกเว็บบนโลกนี้จะมีตัวเลข PR หรือ PageRank ตั้งแต่ 0-10 ยิ่งค่า PR สูงยิ่งดี และถ้าเว็บไซต์เรามี backlink วิ่งมาจากเว็บไซต์ที่มีค่า PR สูงตัวอย่างเช่น facebook.com หรือ twitter.com จะยิ่งเพิ่มให้เว็บไซต์ทำอันดับได้ดีใน google

26. อายุของ Backlink

นอกจากอายุของ domain จะสำคัญแล้ว อายุของ backlink ก็สำคัญเช่นเดียวกัน ถ้าเว็บไซต์เรามีซักลิงค์ที่ถูกแชร์ออกไป เกิดเป็น backlink ที่มีคุณภาพ และ backlink นั้นยังถูกค้นพบและมี traffic เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ อายุของ backlink ยิ่งผ่านไป ยิ่งส่งผลด้านบวกต่ออันดับการค้นหาของเว็บไซต์

27. เว็บไซต์ที่จัดทำโครงสร้างข้อมูล Schema.org

เคยสังเกตุไหมครับเวลาเราค้นหาอะไรซักอย่างบน google search ผลการค้นหาบางเว็บไซต์จะแสดง star บางเว็บแสดงรูปภาพได้ด้วย บางเว็บมีข้อมูลราคาบอกในหน้า search result เลย นั่นคือเว็บไซต์ที่จัดทำโครงสร้างข้อมูล เพื่อบอกว่าเว็บไซต์นี้อยู่ในประเภทไหน person, service, หรือ application ซึ่งเราสามารถตรวจสอบและทำเว็บไซต์แบบมี schema ได้ที่ google webmaster tool

28. Bounce Rate อัตราการตีกลับ

Bounce Rate หรืออัตราการตีกลับ คือ เมื่อมีคนเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา คน ๆ นั้นได้ใช้เวลาอยู่ในหน้าเพจนั้น ๆ เป็นระยะเวลานานแค่ไหน หรือว่าเข้ามาแล้วเปลี่ยนหน้าหรอปิดหน้านั้นทิ้งไปออกไปเว็บไซต์อื่น เราสามารถคำนวณอัตราการตีกลับได้ด้วยสูตรคือ Bounce Rate = (Visits With Only 1 Pageview) / (Total Visits)

29. Direct Traffic การเข้าชมเว็บไซต์โดยตรง

ข้อดีของ Direct Traffic คือเราพอจะประมาณการได้ว่า visitor เข้ามายังเว็บไซต์ของเราผ่านการ bookmark หรือการพิมพ์ชื่อเว็บไซต์โดยตรงผ่าน address bar ของโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์